[TH] ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปชี้! “โครงการพาสปอร์ตทองคำ (Golden Passport)” ของประเทศมอลตา ขัดต่อกฎหมายของสหภาพยุโรป และบ่อนทำลายความไว้วางใจของประเทศสมาชิก
ข่าวต่างประเทศ
30 May 2025
ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (Court of Justice of the European Union) มีคำวินิจฉัยว่า “โครงการพาสปอร์ตทองคำ (Golden Passport)” ของประเทศมอลตาซึ่งเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติขอรับสัญชาติมอลตาผ่านการลงทุนได้ เป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายของสหภาพยุโรป
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๕ คณะกรรมาธิการยุโรปได้ยื่นฟ้องประเทศมอลตาต่อศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป โดยอ้างว่าโครงการดังกล่าวมีลักษณะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ชาวต่างชาติได้รับสัญชาติมอลตาเพื่อแลกเปลี่ยนกับการเข้ามาลงทุนตามเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด โดยจะมีการมอบหนังสือเดินทางของประเทศมอลตาให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะมีผลทำให้บุคคลนั้นได้รับสิทธิในการอยู่อาศัยและทำงานในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปได้ทุกประเทศ แต่จะต้องจ่ายเงินอย่างน้อย ๖๐๐,๐๐๐ ยูโร หรือประมาณ ๒๐ ล้านบาท และต้องซื้อหรือเช่าทรัพย์สินในมูลค่าที่กำหนด รวมทั้งต้องบริจาคเงินเพื่อการกุศลอีกด้วย
ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปมีความเห็นว่า แม้ประเทศสมาชิกทุกประเทศจะมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์การได้มาซึ่งสัญชาติของตน แต่โดยที่การให้สัญชาติเพื่อแลกเปลี่ยนกับการจ่ายเงินให้แก่รัฐบาลหรือการลงทุนในมูลค่าที่กำหนด ย่อมส่งผลทำให้การได้มาซึ่งสัญชาติกลายเป็นเพียงธุรกรรมเชิงพาณิชย์ ซึ่งขัดกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายของสหภาพยุโรป และเน้นย้ำว่าประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปไม่สามารถให้สัญชาติของตน ซึ่งเทียบเท่ากับการเป็นพลเมืองของสหภาพยุโรป เพื่อแลกกับเม็ดเงินหรือการลงทุนในมูลค่าที่กำหนด เนื่องจากทำให้การได้รับสัญชาติกลับกลายเป็นธุรกรรมการซื้อขาย และการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการทำลายความไว้วางใจร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ทั้งนี้ หากมอลตายังเพิกเฉยไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามคำตัดสินของศาล อาจนำไปสู่การลงโทษปรับตามกฎหมาย
ด้านรัฐบาลของมอลตาแถลงว่า มอลตาเคารพคำวินิจฉัยของศาลดังกล่าว และอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดและผลกระทบทางกฎหมายอย่างรอบด้าน เพื่อให้กรอบนโยบายการให้สัญชาติผ่านการลงทุนมีความสอดคล้องกับหลักการที่ระบุไว้ในคำพิพากษา และรัฐบาลยืนยันถึงเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการตามกรอบนโยบายดังกล่าวต่อไป โดยให้เหตุผลว่านโยบายด้านสัญชาติเป็นอำนาจโดยสมบูรณ์ของประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลมอลตาเปิดเผยว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โครงการนี้ได้สร้างรายได้ให้กับประเทศมากกว่า ๑.๔ พันล้านยูโร หรือประมาณ ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยรายได้นี้ถูกนำไปใช้ในการจัดตั้งกองทุนแห่งชาติเพื่อการลงทุนและการออม เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาดังกล่าวสวนทางกับรายงานเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ของผู้พิพากษาผู้เสนอความเห็นทางกฎหมายประจำศาล นาย Anthony Collins ซึ่งระบุว่า คณะกรรมาธิการยุโรปไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากฎหมายของสหภาพยุโรปมีบทบัญญัติที่กำหนดเงื่อนไขการให้สัญชาติของประเทศสมาชิกในลักษณะที่ผู้ขอสัญชาติต้องมีความสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงอย่างแท้จริง (genuine link) กับประเทศผู้ให้สัญชาติ (เช่น genuine link by birth การให้สัญชาติตามประเทศที่เกิด) และเน้นย้ำว่าเป็นสิทธิของประเทศสมาชิกในการกำหนดว่าใครสมควรได้รับสัญชาติ รวมถึงสิทธิความเป็นพลเมืองของสหภาพยุโรป ซึ่งรัฐบาลมอลตาระบุว่า คำตัดสินของศาลดังกล่าวเป็นการเพิกเฉยต่อความเห็นของนาย Anthony Collins และชี้ว่ามอลตามิใช่เพียงประเทศเดียวที่ดำเนินโครงการในลักษณะนี้
อนึ่ง มอลตาได้ระงับการให้สัญชาติภายใต้โครงการดังกล่าวแก่ประชากรชาวรัสเซียและเบลารุสตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เนื่องด้วยเหตุผลด้านการรุกรานยูเครนของรัสเซีย และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของสหภาพยุโรปที่ลงโทษบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลกลางของรัสเซียหรือที่เรียกว่า Kremlin ทั้งนี้ สหภาพยุโรปเคยเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกยุติโครงการในลักษณะดังกล่าว โดยเตือนว่าการให้สัญชาติผ่านการลงทุนนั้นอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ รวมถึงอาจเอื้อให้เกิดการฟอกเงิน การหลีกเลี่ยงภาษี และการทุจริตคอร์รัปชัน
ข่าวประจำวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.bbc.com/news/articles/ceqrd8dpzd5o
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย