หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
แนะนำอาเซียน
ข่าวต่างประเทศ
ความตกลง
APSC
AEC
ASCC
ASEAN PLUS
บทความ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรรมอาเซียน
บทความวิชาการ
งานวิจัย
กฎหมายน่ารู้
ติดต่อเรา
(TH) Wikipedia ดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายกับรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร
ข่าวต่างประเทศ
31 May 2025
กฎหมาย
Online Safety Act ของสหราชอาณาจักรที่มีผลบังคับใช้ในปีนี้ได้กำหนดให้โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาจากผู้ใช้งานได้สร้างขึ้นนั้น (user-generated content) จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อปกป้องผู้ใช้งานของตน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กเพื่อให้ปลอดจากเนื้อหาที่อันตรายหรือผิดกฎหมาย ทั้งนี้ หากบริษัทใดละเมิดต่อกฎหมายฉบับดังกล่าวอาจถูกปรับในจำนวนสูงถึง ๑๘ ล้านปอนด์ หรือร้อยละ ๑๐ ของรายได้ทั่วโลก (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)
องค์กรไม่แสวงหากำไรอย่างมูลนิธิ
Wikimedia ผู้อยู่เบื้องหลัง Wikipedia ได้ยื่นคำร้องเพื่อคัดค้านกฎหมาย Online Safety Act ของรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร โดยให้เหตุผลว่าข้อกำหนดของกฎหมายฉบับดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อรูปแบบการแก้ไขข้อมูลแบบเปิดของเว็บไซต์ (Open editing model) และอาจนำไปสู่การให้ข้อมูลเท็จและการก่อกวนบนแพลตฟอร์มที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ การจัดให้ Wikipedia เป็นบริการประเภทที่ ๑ (Category 1) นั้น จะทำให้ Wikipedia ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดอย่างสูงสุดด้านการควบคุมเนื้อหา
ซึ่งมูลนิธิ Wikimedia ให้เหตุผลว่า การจัดประเภทเช่นว่านั้นจะเป็นการบังคับให้เว็บไซต์ต้องใช้มาตรการการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานและการกลั่นกรองทางเนื้อหา อันส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวิกิพีเดียซึ่งอาศัยการทำงานแบบมีอาสาสมัครในการแก้ไขและตรวจสอบข้อมูล
นอกจากนี้ การที่ Online Safety Act Act กำหนดให้ผู้ใช้งานทุกรายสามารถกีดกัน (block) ผู้ใช้งานที่ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนจากการแก้ไขหรือลบเนื้อหาได้นั้น มูลนิธิ Wikimedia มีข้อกังวลว่า ข้อกำหนดนี้จะทำลายการจัดอันดับบรรณาธิการอาสาสมัครและผู้ดูแลระบบอาสาสมัครของ Wikipedia รวมทั้งอาจเพิ่มโอกาสให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นอันตรายหรือเป็นเท็จได้ ในขณะเดียวกันการป้องกันไม่ให้มีการลบเนื้อหานั้นออกอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของข้อมูลเท็จและการก่อกวนบนแพลตฟอร์มซึ่งขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย Online Safety Act
คำร้องเพื่อคัดค้านกฎหมาย Online Safety Act นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้มีการทบทวนการจัดประเภทของ Wikipedia เพื่อให้เกิดการคุ้มครองรูปแบบการแก้ไขเนื้อหาร่วมกันของเว็บไซต์ (Collaborative editing model) เพื่อรักษาความถูกต้องของข้อมูลและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
มูลนิธิ Wikimedia ระบุไว้ใน Blog post ว่า วิกิพีเดียสามารถทำให้ปราศจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้ เนื่องจากการทำงานของบรรดาสมาชิกที่เป็นสาธารณชนหลากหลายพันคนร่วมกันตรวจสอบและปรับปรุงเนื้อหาบนเว็บไซต์ เพื่อก่อให้เกิดความแน่ใจว่าเนื้อหานั้นเป็นกลาง มีแหล่งอ้างอิงข้อเท็จจริงและน่าเชื่อถือได้ ยกตัวอย่างเช่น อาสาสมัครที่เป็นผู้ใช้งานได้ทำงานตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่ามีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเหตุฆาตกรรม ณ Southport อย่างเป็นกลางและเชื่อถือได้ ในขณะที่ข้อมูลเท็จและเนื้อหายุยงการแบ่งแยกทางเชื้อชาติได้เกิดการแพร่กระจายอย่างไม่อาจควบคุมได้บนโซเชียลมีเดีย
กลุ่มอาสาสมัครที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า ๓๐๐ ภาษา ต่างร่วมกันกำกับดูแลแทบทุกส่วนของวิกิพีเดียและสามารถที่จะกำหนดและบังคับใช้นโยบาย รวมถึงการตรวจสอบ การปรับปรุง หรือแม้แต่ลบเนื้อหาที่อาสาสมัครคนอื่นโพสต์ อันเป็นหัวใจความสำเร็จที่สำคัญของ Wikipedia โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการต่อต้านการก่อกวน การละเมิดสิทธิโดยมิชอบ และข้อมูลเท็จ อย่างไรก็ดี หาก Wikipedia ถูกจัดให้เป็นบริการประเภทที่ ๑ จะมีผลทำให้มูลนิธิ Wikimedia ต้องยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดี กฎข้อนี้ไม่ได้บังคับให้ผู้ใช้งานทุกรายต้องผ่านการยืนยันตัวตนโดยตรง แต่กฎที่เกี่ยวข้องอื่นนั้นกำหนดให้มูลนิธิต้องอนุญาตให้ผู้ใช้งานรายอื่นที่อาจมีเจตนาที่ไม่ดีนั้นสามารถกีดกันผู้ใช้งานที่ไม่ได้ผ่านการยืนยันตัวตนโดยไม่สามารถแก้ไขหรือลบเนื้อหาที่พวกเขาโพสต์ได้ กรณีดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดการก่อกวน การให้ข้อมูลเท็จ หรือการละเมิดสิทธิโดยมิชอบจำนวนมาก โดยไม่มีบุคคลใดสามารถตรวจสอบเนื้อหาบน Wikipedia เว้นเสียแต่ว่าอาสาสมัครทุกช่วงวัยจากทั่วโลกนั้นจะต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตนเสียก่อน
มูลนิธิ Wikimedia เน้นย้ำจุดยืนว่าตนนั้นไม่ได้คัดค้านการออกกฎหมายควบคุมความปลอดภัยทางออนไลน์ หรือการจัดหมวดหมู่ประเภทผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์ม แต่การที่ Wikipedia ถูกจัดอยู่ให้อยู่ในบริการประเภทที่ ๑ (Category 1) จะเป็นการควบคุมเกินความจำเป็น
แม้รัฐบาลอาจพิจารณาว่า
การกำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการตามหมวดนี้ จะช่วยสนับสนุนการใช้อำนาจของตำรวจในการจัดการกับการละเมิดสิทธิโดยมิชอบของผู้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนบนโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี วิกิพีเดียนั้นไม่ใช่โซเชียลมีเดีย เนื่องจากมีลักษณะเป็นการพึ่งพาผู้ใช้งานแบบอาสาสมัครที่มีการทำงานร่วมกันเพื่อตัดสินใจว่าเนื้อหาใดบ้างควรปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ โดยการกำหนดหน้าที่แบบใหม่ดังกล่าวนี้จะเป็นการสร้างภาระอย่างมาก โดยเฉพาะยิ่งต่อผู้ใช้งานที่ไม่มีช่องทางการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ยิ่งไปกว่านั้น อาจทำให้ผู้ใช้งานตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงของการรั่วไหลของข้อมูล การสะกดรอยตาม การถูกฟ้องร้องโดยกลั่นแกล้ง หรือการถูกจำคุก ทั้งนี้ ความเป็นส่วนตัวนั้นเป็นหัวใจที่สำคัญต่อการรักษาความปลอดภัยและเสรีภาพของผู้ใช้งาน
ข่าวประจำวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๐๒๕
แปลและเรียบเรียงจาก
Wikipedia launches legal challenge against UK Government | The Independent
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
© 2025 Office of the Council of State.