(TH) HRW ให้สนธิสัญญาโรคระบาดของ WHO เป็นอีกก้าวครั้งสำคัญ แต่ยังพบข้อบกพร่อง พร้อมเรียกร้องให้มีการดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน
ข่าวต่างประเทศ 31 May 2025
องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ (Human Rights Watch : HRW) กล่าวว่า สนธิสัญญาโรคระบาด (pandemic treaty)ฉบับใหม่ขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) เป็นความพยายามก้าวสำคัญ แต่ก็ยังคงพบข้อบกพร่องและความไม่เพียงพอต่อกลไกการบังคับใช้กฎหมายและประสิทธิภาพในการแก้ไขความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศต่าง ๆ
ตามแถลงการณ์ของ HRW ระบุว่า สนธิสัญญาได้นำเสนอถึงโอกาสของประเทศต่าง ๆ ในการร่วมรับมือต่อวิกฤติทางโรคระบาด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในช่วง COVID-19 และลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพของโลกที่เพิ่มขึ้น ความเป็นไปได้ของการเกิดโรคระบาดในครั้งถัดไป ตลอดจนผลกระทบทางด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจตามมาได้
โดยสนธิสัญญาฉบับนี้ได้กำหนดหน้าที่ของรัฐบาลต่าง ๆ เพื่อการส่งเสริมนโยบายทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศอันครอบคลุมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องได้อย่างหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น มาตรา ๔ ของสนธิสัญญาฯ กำหนดให้รัฐภาคีควรพัฒนา เสริมสร้าง และดำเนินมาตรการในการป้องกันการระบาดใหญ่ในอนาคต โรคที่อาจกลับมาแพร่ระบาด การป้องกันการติดเชื้อที่แพร่ระบาดระหว่างมนุษย์และสัตว์ ตลอดจนการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค แม้สนธิสัญญาฉบับนี้จะมีการนำเสนอระบบ Pathogen Access and Benefit-Sharing System (PABS) ซึ่งเป็นกลไกแบบพหุภาคีที่รัฐภาคีสามารถแบ่งปันข้อมูลทางชีววิทยาของตัวอย่างเชื้อโรคที่จะก่อให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ได้ แต่ก็ยังคงมีคำถามในหลายประเด็นที่ต้องรอการจัดทำรายละเอียดในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามมาตรา ๑๒ (๒) ซึ่งระบุให้การจำแนกประเภทของเชื้อโรค เงื่อนไขทางกฎหมายของการแบ่งปันข้อมูล การตรวจสอบย้อนกลับ กลไกการแบ่งปันผลประโยชน์และการปฏิบัติตามหน้าที่ของบรรดาผู้ผลิตต่าง ๆ จะถูกร่างขึ้นในภาคผนวกของสนธิสัญญาในอนาคต
ปัญหาของสนธิสัญญาอีกประการหนึ่ง คือ การบังคับใช้สนธิสัญญานี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ กล่าวคือ ไม่ก่อให้เกิดการบังคับใช้อย่างเข้มงวด ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลแต่ละประเทศจะปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่ กรณีจึงสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากต่อการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศภายในประเทศสมาชิกแต่ละแห่ง ทั้งนี้ ตามที่นาย Matt McConnell นักวิจัยของ HRW ได้ตั้งข้อสังเกตไว้
ตลอดช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ประเทศที่ร่ำรวยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศทางซีกโลกเหนือถูกกล่าวหาว่าให้ความสำคัญต่อผลกำไรของภาคเอกชนมากกว่าสุขภาพของประชาชน โดยมีการสร้างอุปสรรคในการยกเว้นการใช้บังคับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่ส่งผลต่อการช่วยให้เกิดการผลิตวัคซีนต่อต้านโรค COVID-19 เพื่อกระจายไปยังทั่วโลก ในขณะที่รัฐบาลก็ขาดกฎเกณฑ์ในการควบคุมบริษัทด้านเภสัชกรรมที่มีการหลีกเลี่ยงการแบ่งปันเทคโนโลยีในการช่วยชีวิตที่สำคัญ อันเป็นการส่งผลกระทบด้านลบต่อประเทศที่มีความร่ำรวยน้อยกว่า
ข่าวประจำวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๐๒๕
แปลและเรียบเรียงจาก HRW calls WHO pandemic treaty a landmark but 'flawed' step, urges rights-based implementation - JURIST - News
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
ตามแถลงการณ์ของ HRW ระบุว่า สนธิสัญญาได้นำเสนอถึงโอกาสของประเทศต่าง ๆ ในการร่วมรับมือต่อวิกฤติทางโรคระบาด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในช่วง COVID-19 และลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพของโลกที่เพิ่มขึ้น ความเป็นไปได้ของการเกิดโรคระบาดในครั้งถัดไป ตลอดจนผลกระทบทางด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจตามมาได้
โดยสนธิสัญญาฉบับนี้ได้กำหนดหน้าที่ของรัฐบาลต่าง ๆ เพื่อการส่งเสริมนโยบายทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศอันครอบคลุมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องได้อย่างหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น มาตรา ๔ ของสนธิสัญญาฯ กำหนดให้รัฐภาคีควรพัฒนา เสริมสร้าง และดำเนินมาตรการในการป้องกันการระบาดใหญ่ในอนาคต โรคที่อาจกลับมาแพร่ระบาด การป้องกันการติดเชื้อที่แพร่ระบาดระหว่างมนุษย์และสัตว์ ตลอดจนการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค แม้สนธิสัญญาฉบับนี้จะมีการนำเสนอระบบ Pathogen Access and Benefit-Sharing System (PABS) ซึ่งเป็นกลไกแบบพหุภาคีที่รัฐภาคีสามารถแบ่งปันข้อมูลทางชีววิทยาของตัวอย่างเชื้อโรคที่จะก่อให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ได้ แต่ก็ยังคงมีคำถามในหลายประเด็นที่ต้องรอการจัดทำรายละเอียดในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามมาตรา ๑๒ (๒) ซึ่งระบุให้การจำแนกประเภทของเชื้อโรค เงื่อนไขทางกฎหมายของการแบ่งปันข้อมูล การตรวจสอบย้อนกลับ กลไกการแบ่งปันผลประโยชน์และการปฏิบัติตามหน้าที่ของบรรดาผู้ผลิตต่าง ๆ จะถูกร่างขึ้นในภาคผนวกของสนธิสัญญาในอนาคต
ปัญหาของสนธิสัญญาอีกประการหนึ่ง คือ การบังคับใช้สนธิสัญญานี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ กล่าวคือ ไม่ก่อให้เกิดการบังคับใช้อย่างเข้มงวด ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลแต่ละประเทศจะปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่ กรณีจึงสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากต่อการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศภายในประเทศสมาชิกแต่ละแห่ง ทั้งนี้ ตามที่นาย Matt McConnell นักวิจัยของ HRW ได้ตั้งข้อสังเกตไว้
ตลอดช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ประเทศที่ร่ำรวยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศทางซีกโลกเหนือถูกกล่าวหาว่าให้ความสำคัญต่อผลกำไรของภาคเอกชนมากกว่าสุขภาพของประชาชน โดยมีการสร้างอุปสรรคในการยกเว้นการใช้บังคับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่ส่งผลต่อการช่วยให้เกิดการผลิตวัคซีนต่อต้านโรค COVID-19 เพื่อกระจายไปยังทั่วโลก ในขณะที่รัฐบาลก็ขาดกฎเกณฑ์ในการควบคุมบริษัทด้านเภสัชกรรมที่มีการหลีกเลี่ยงการแบ่งปันเทคโนโลยีในการช่วยชีวิตที่สำคัญ อันเป็นการส่งผลกระทบด้านลบต่อประเทศที่มีความร่ำรวยน้อยกว่า
ข่าวประจำวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๐๒๕
แปลและเรียบเรียงจาก HRW calls WHO pandemic treaty a landmark but 'flawed' step, urges rights-based implementation - JURIST - News
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
หน้าแรก
|
เกี่ยวกับเรา
|
แนะนำอาเซียน
|
ข่าวต่างประเทศ
|
ความตกลง
|
บทความ
|
งานวิจัย
|
กฎหมายน่ารู้
|
ติดต่อเรา
|
แผนผังเว็บไซต์
|
© 2025 Office of the Council of State.