หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
แนะนำอาเซียน
ข่าวต่างประเทศ
ความตกลง
APSC
AEC
ASCC
ASEAN PLUS
บทความ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรรมอาเซียน
บทความวิชาการ
งานวิจัย
กฎหมายน่ารู้
ติดต่อเรา
(TH) Amnesty เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯหยุดเพิกถอนวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติ
ข่าวต่างประเทศ
30 Apr 2025
เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๐๒๕ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เพิกถอนวีซ่านักศึกษาต่างชาติ โดยอาศัยอำนาจตาม
Immigration and Nationality Act of 1952 ข้อบทที่
8 U.S.C. 1251(a)(4)(C)(i)
กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสามารถเนรเทศบุคคลใด ๆ ที่ไม่ใช่พลเมือง ด้วยเหตุอันควรเชื่อว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านนโยบายต่างประเทศที่ร้ายแรงต่อสหรัฐอเมริกา กฎหมายดังกล่าวให้อำนาจรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีดุลยพินิจในการตัดสินใจเพิกถอนวีซ่านักเรียนชาวต่างชาติมากกว่า ๓๐๐ ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาที่ได้เข้าร่วมการประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในสหรัฐฯ หรือฉนวนกาซา (Gaza Strip) โดยข่มขู่ผู้ที่ก่อให้เกิดการ “ ทำลายมหาวิทยาลัย คุกคามนักศึกษา เข้ายึดอาคาร สร้างความวุ่นวาย ” ซึ่ง ณ ปัจจุบันจำนวนการเพิกถอนวีซ่าอาจมีมากกว่า ๑,๓๐๐ ราย
องค์กรระหว่างประเทศ
Amnesty ได้มีจดหมายเรียกร้องให้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์หยุดดำเนินการดังกล่าว เพราะเป็นการกำหนดเป้าหมายของบุคคลจากภูมิหลังทางชาติพันธุ์ โดยมุ่งเน้นต่อกรณีของ Mahmoud Khalil นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่ได้รับวีซ่าแบบถาวรซึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมจากการเข้าร่วมประท้วงเพื่อต่อต้านการกระทำของอิสราเอลในฉนวนกาซา (Gaza Strip) จากการเพิกถอนสถานะผู้อพยพอย่างเร่งด่วนนี้ แสดงให้เห็นถึงการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนด้านการแสดงออกอย่างเสรี (Freedom of expression) การชุมนุมอย่างสันติ (Peaceful assembly) กระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย (Due process) และปราศจากการเลือกปฏิบัติ ซึ่งก่อนหน้านี้ Amnesty ได้ระบุว่าระบบกักขังผู้อพยพของสหรัฐฯ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพราะการช่วยเหลือทางกฎหมายและเงื่อนไขการกักขังของผู้อพยพนั้นต่ำกว่ามาตรฐาน
ข่าวประจำวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๖๘
แปลและเรียบเรียงจาก
https://www.jurist.org/news/2025/04/amnesty-international-urges-us-to-stop-revoking-foreign-student-visas/
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์
LawforASEAN
/ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
© 2025 Office of the Council of State.