[TH] ข่าวดีของคนไร้บ้าน! อังกฤษเตรียมยกเลิกกฎหมายอาญาเอาผิดคนที่นอนข้างถนนที่ใช้มานานกว่า ๒ ศตวรรษ

ข่าวต่างประเทศ 30 Jun 2025

                    หัวหน้าขององค์กรการกุศลเพื่อคนไร้บ้านในเมือง Blackpool กล่าวว่า แผนการยกเลิกการเอาผิดทางอาญาต่อผู้ที่นอนข้างถนนในเมือง Blackpool เมืองแห่งชายทะเลนี้ ถือเป็นข่าวดีอย่างมาก
                    โดยรัฐมนตรีของอังกฤษกำลังวางแผนที่จะยกเลิกกฎหมาย Vagrancy Act (พระราชบัญญัติควบคุมคนจรจัด) ที่มีอายุกว่า ๒๐๐ ปี โดยประกาศใช้ในปี ค.ศ. ๑๘๒๔ เพื่อจัดการกับปัญหาคนไร้บ้านที่เพิ่มขึ้น
  Jane Hugo จากมูลนิธิ Streetlife ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ให้ความช่วยเหลือเยาวชนที่อายุ ๑๘ ถึง ๒๕ ปี กล่าวว่า เงินสนับสนุนเพิ่มเติมที่รัฐบาลจะมอบให้จะช่วยเสริมสร้างการดูแลและช่วยเหลือผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการจัดสรรเพิ่มเติมเพื่อการป้องกันภาวะไร้บ้านควบคู่ไปกับการสนับสนุนผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง (เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้มีรายได้น้อย) ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้คนกลายเป็นคนไร้บ้านตั้งแต่แรก
                    ทั้งนี้ เธอคิดมาตลอดว่า การกำหนดให้การนอนริมถนนเป็นความผิดทางอาญานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เธอจึงรู้สึกดีใจที่ประเด็นดังกล่าวได้รับการจัดการแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้เมือง Blackpool จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้แย่เท่ากับเมืองอื่น ๆ บางเมืองในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ นอกจากนี้ เธอมองว่าคนไร้บ้านมักถูกเหมารวมไปเชื่อมโยงกับประเด็นการขอทาน เนื่องจากหลายคนมักจะเข้าใจว่าผู้ที่ขอทานอยู่ตามถนนคือคนไร้บ้าน ซึ่งนั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป
                    นอกจากนี้ ยังมีความซับซ้อนหลายประการที่เป็นปัจจัยให้บางคนต้องนอนริมถนน บางคนมีปัญหาสุขภาพจิตที่ทำให้การอาศัยอยู่ในที่พักที่มีลักษณะเป็นห้องพักรวม (Hostel-type accommodation) เป็นเรื่องยากมาก หรือกรณีที่ห้องพักหรือที่อยู่อาศัยของพวกเขามีเหตุบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือในการเข้าไปจัดการอย่างมาก ซึ่งทางมูลนิธิก็ได้พยายามในการเข้าช่วยเหลืออย่างดีที่สุดมาโดยตลอด และเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐจะยิ่งช่วยพวกเขาได้เป็นอย่างมาก โดยทางมูลนิธิมีทีมงานภาคสนามในเมือง Blackpool ที่คอยลงพื้นที่สอบถามและพูดคุยกับผู้คนตามถนน และชี้แนะให้พวกเขาเข้าถึงความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่มีอยู่ได้ เธอจึงคิดว่านี่เป็นข่าวดีที่รอคอยมานานแสนนาน

ข่าวประจำวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๘
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.bbc.com/news/articles/cd62dx8lgpwo
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย