[TH] เหยื่อชาวอังกฤษเรียกร้องกฎหมาย “Richard’s Law” เพื่อยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วย หลังถูกผู้ดูแลลักทรัพย์ภายในบ้าน
ข่าวต่างประเทศ 31 Jul 2025
Louise Woollam หญิงผู้อาศัยอยู่ในเมือง Shillingstone เขต Dorset ของประเทศอังกฤษ ออกมาเรียกร้องให้มีการคัดกรองและตรวจสอบประวัติของผู้ดูแลผู้ป่วยให้เข้มงวดมากขึ้น หลังจากที่ผู้ดูแลสามีของเธอลักขโมยทรัพย์สินมีค่าภายในบ้านไป ทั้งเครื่องประดับและเงินสดจำนวนมาก
ศาลในเมือง Weymouth ตัดสินให้ Rachel Goodman หญิงวัย ๕๔ ปี จากเมือง Yeovil รับโทษจำคุก ๑๒ เดือน โดยให้รอลงอาญา เนื่องจากเธอมีประวัติกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อน โดยเมื่อปี ๒๐๒๔ ที่ผ่านมา ตำรวจสามารถตามคืนสร้อยคอเก่าแก่อายุกว่า ๒๕๐ ปีและเงินสดบางส่วนที่ถูก Rachel Goodman ขโมยจากบ้านของ Louise Woollam ได้ แต่ในส่วนของแหวนหมั้นทองคำประดับเพชร ซึ่งเป็นมรดกสืบทอดจากมารดา รวมทั้งต่างหูเงินที่สามีมอบให้ และของมีค่าอื่น ๆ ยังไม่สามารถตามคืนได้ นอกจากนี้ ศาลยังระบุว่า Rachel Goodman เคยได้รับโทษรอลงอาญาในข้อหาที่คล้ายกันเมื่อปี ๒๐๑๐
Louise Woollam เปิดเผยว่า การตรวจสอบประวัติของผู้ดูแลผ่านระบบ Disclosure and Barring Service (DBS) ไม่สามารถแสดงประวัติอาชญากรรมของ Rachel Goodman ได้ ทั้งที่เธอมีประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับการลักทรัพย์และการหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของบุคคลอื่นถึง ๓ คดี และกล่าวว่า เธอต้องเผชิญกับความรู้สึกเจ็บปวดและเหมือนถูกทรยศ เพราะการกระทำของ Rachel Goodman ผู้ดูแลของเธอ และไม่มีใครสมควรต้องพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เธอหมดความไว้วางใจต่อผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยตามบ้าน และทำให้เธอต้องจำต้องตัดสินใจพาสามีของเธอซึ่งป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรงไปอยู่ที่สถานดูแลผู้สูงอายุอีกด้วย
ศาลกล่าวกับ Rachel Goodman ว่า เธอทำลายชีวิตและความสงบสุขทางใจของ Louise Woollam และยังได้ทำลายความไว้วางใจที่เธอมอบให้ นอกจากนี้ คำให้การของผู้เสียหายซึ่งอ่านโดยอัยการยังกล่าวว่า Rachel Goodman เป็นคนที่ไร้ซึ่งความเห็นใจและจงใจพุ่งเป้าไปที่ผู้ที่อ่อนแออย่างเลือดเย็น โดยศาลตัดสินจำคุกจำเลย โดยให้รอลงอาญาเป็นเวลา ๒ ปี และให้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมจำนวน ๒๐๐ ชั่วโมง รวมถึงเข้ารับการฟื้นฟูผู้กระทำผิดเป็นเวลา ๑๒ วัน และออกคำสั่งห้ามเข้าใกล้ผู้เสียหายเป็นเวลา ๒ ปี นอกจากนี้ ยังถูกสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน ๑,๐๐๐ ปอนด์ (ประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาท) ให้แก่ Louise Woollam และต้องจ่ายเงิน ๒๗๒ ปอนด์ (ประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท) ให้กับศาลอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันกฎหมายมิได้กำหนดให้ผู้ดูแลผู้ป่วยต้องมีใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนแต่อย่างใด และประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับการลักทรัพย์ของบุคคลเหล่านั้น อาจไม่ปรากฏในฐานข้อมูลของระบบ Disclosure and Barring Service (DBS) นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้เด็กอายุ ๓ ขวบอยู่กับผู้ดูแลที่ไม่มีการคัดกรองตรวจสอบและไม่มีใบอนุญาตโดยลำพัง เพราะนั่นอาจทำให้การจัดหาผู้ที่จะมาช่วยดูแลคนที่เรารักกลับกลายเป็นการเปิดช่องให้โจร มิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดีให้เข้ามาได้
Louise Woollam ได้ส่งจดหมายถึง Simon Hoare สมาชิกสภาในเขตของเธอ โดยกล่าวว่ากฎหมาย Richard's law จะช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดหาผู้ดูแลผู้ป่วยในอังกฤษให้เทียบเท่ากับเวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ และสกอตแลนด์ และในจดหมายยังระบุว่า ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุดในสังคม
โดยสมาชิกสภาตอบกลับจดหมายของเธอว่า เขาได้ส่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นและข้อเรียกร้องเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวของเธอไปยังหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของรัฐ และหน่วยงานของรัฐที่ดูแลด้านชุมชนแล้ว
ข่าวประจำวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.bbc.com/news/articles/cly8edmg86no
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
ศาลในเมือง Weymouth ตัดสินให้ Rachel Goodman หญิงวัย ๕๔ ปี จากเมือง Yeovil รับโทษจำคุก ๑๒ เดือน โดยให้รอลงอาญา เนื่องจากเธอมีประวัติกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อน โดยเมื่อปี ๒๐๒๔ ที่ผ่านมา ตำรวจสามารถตามคืนสร้อยคอเก่าแก่อายุกว่า ๒๕๐ ปีและเงินสดบางส่วนที่ถูก Rachel Goodman ขโมยจากบ้านของ Louise Woollam ได้ แต่ในส่วนของแหวนหมั้นทองคำประดับเพชร ซึ่งเป็นมรดกสืบทอดจากมารดา รวมทั้งต่างหูเงินที่สามีมอบให้ และของมีค่าอื่น ๆ ยังไม่สามารถตามคืนได้ นอกจากนี้ ศาลยังระบุว่า Rachel Goodman เคยได้รับโทษรอลงอาญาในข้อหาที่คล้ายกันเมื่อปี ๒๐๑๐
Louise Woollam เปิดเผยว่า การตรวจสอบประวัติของผู้ดูแลผ่านระบบ Disclosure and Barring Service (DBS) ไม่สามารถแสดงประวัติอาชญากรรมของ Rachel Goodman ได้ ทั้งที่เธอมีประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับการลักทรัพย์และการหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของบุคคลอื่นถึง ๓ คดี และกล่าวว่า เธอต้องเผชิญกับความรู้สึกเจ็บปวดและเหมือนถูกทรยศ เพราะการกระทำของ Rachel Goodman ผู้ดูแลของเธอ และไม่มีใครสมควรต้องพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เธอหมดความไว้วางใจต่อผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยตามบ้าน และทำให้เธอต้องจำต้องตัดสินใจพาสามีของเธอซึ่งป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรงไปอยู่ที่สถานดูแลผู้สูงอายุอีกด้วย
ศาลกล่าวกับ Rachel Goodman ว่า เธอทำลายชีวิตและความสงบสุขทางใจของ Louise Woollam และยังได้ทำลายความไว้วางใจที่เธอมอบให้ นอกจากนี้ คำให้การของผู้เสียหายซึ่งอ่านโดยอัยการยังกล่าวว่า Rachel Goodman เป็นคนที่ไร้ซึ่งความเห็นใจและจงใจพุ่งเป้าไปที่ผู้ที่อ่อนแออย่างเลือดเย็น โดยศาลตัดสินจำคุกจำเลย โดยให้รอลงอาญาเป็นเวลา ๒ ปี และให้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมจำนวน ๒๐๐ ชั่วโมง รวมถึงเข้ารับการฟื้นฟูผู้กระทำผิดเป็นเวลา ๑๒ วัน และออกคำสั่งห้ามเข้าใกล้ผู้เสียหายเป็นเวลา ๒ ปี นอกจากนี้ ยังถูกสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน ๑,๐๐๐ ปอนด์ (ประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาท) ให้แก่ Louise Woollam และต้องจ่ายเงิน ๒๗๒ ปอนด์ (ประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท) ให้กับศาลอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันกฎหมายมิได้กำหนดให้ผู้ดูแลผู้ป่วยต้องมีใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนแต่อย่างใด และประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับการลักทรัพย์ของบุคคลเหล่านั้น อาจไม่ปรากฏในฐานข้อมูลของระบบ Disclosure and Barring Service (DBS) นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้เด็กอายุ ๓ ขวบอยู่กับผู้ดูแลที่ไม่มีการคัดกรองตรวจสอบและไม่มีใบอนุญาตโดยลำพัง เพราะนั่นอาจทำให้การจัดหาผู้ที่จะมาช่วยดูแลคนที่เรารักกลับกลายเป็นการเปิดช่องให้โจร มิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดีให้เข้ามาได้
Louise Woollam ได้ส่งจดหมายถึง Simon Hoare สมาชิกสภาในเขตของเธอ โดยกล่าวว่ากฎหมาย Richard's law จะช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดหาผู้ดูแลผู้ป่วยในอังกฤษให้เทียบเท่ากับเวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ และสกอตแลนด์ และในจดหมายยังระบุว่า ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุดในสังคม
โดยสมาชิกสภาตอบกลับจดหมายของเธอว่า เขาได้ส่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นและข้อเรียกร้องเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวของเธอไปยังหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของรัฐ และหน่วยงานของรัฐที่ดูแลด้านชุมชนแล้ว
ข่าวประจำวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.bbc.com/news/articles/cly8edmg86no
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
หน้าแรก
|
เกี่ยวกับเรา
|
แนะนำอาเซียน
|
ข่าวต่างประเทศ
|
ความตกลง
|
บทความ
|
งานวิจัย
|
กฎหมายน่ารู้
|
ติดต่อเรา
|
แผนผังเว็บไซต์
|
© 2025 Office of the Council of State.