(TH) กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถของรัฐ Pennsylvania มีผลบังคับใช้แล้ว
ข่าวต่างประเทศ 30 Jun 2025
กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับยานพาหนะของรัฐ Pennsylvania มีผลบังคับใช้แล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า Paul Miller's Law เกิดขึ้นจากกรณีคนขับรถบรรทุกหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาในขณะขับรถ แล้วชนนาย Paul Miller จนเสียชีวิตในเมือง Monroe County เมื่อ ปี ค.ศ. ๒๐๑๐
Eileen แม่ของนาย Miller กล่าวกับสำนักข่าว CBS Philadelphia ว่า เธอไม่ต้องการให้ผู้ปกครองคนใดต้องไปห้องเก็บศพเพื่อระบุตัวตนของลูกตัวเองจากสิ่งที่ไม่อาจป้องกันได้ โดยกฎหมายฉบับนี้จะช่วยชีวิตผู้คน และนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ในปี ค.ศ.๒๐๒๓ ในรัฐ Pennsylvania มีจำนวนอุบัติเหตุจากการขับรถยนต์โดยประมาทจำนวนทั้งสิ้น ๑๑,๒๖๒ ครั้ง กฎหมายนี้จึงกำหนดห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับยานพาหนะ โดยหมายรวมถึงกรณียานพาหนะหยุดอยู่ที่ไฟแดง กรณีการจราจรติดขัด หรือกรณีมีการหยุดโดยกะทันหัน
นาย Jim Garrity ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะของ AAA East Central กล่าวว่า กฎหมายนี้เป็นก้าวสำคัญที่มีทิศทางที่ถูกต้องต่อการต่อสู้กับหนึ่งในภัยคุกคามบนท้องถนนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันคือการขับรถยนต์แบบขาดสมาธิ โดยนาย Paul Miller ควรจะได้อยู่กับพวกเราในวันนี้
ในส่วนของผู้ขับขี่ยานพาหนะพอใจต่อกฎหมายนี้ที่มีผลบังคับใช้ภายในรัฐเช่นกัน นอกจากนี้ นาย Alex Bonfanti ชื่นชมว่ากฎหมายนี้ยอดเยี่ยมที่แก้ไขปัญหาเรื่องคนขับขาดสมาธิอันเป็นปัญหาใหญ่ที่มีมาอย่างยาวนาน อีกทั้งนาย Rick Fera กล่าวเสริมว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยชีวิตผู้คนจากอุบัติเหตุได้อย่างมาก
ทั้งนี้ การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับยานพาหนะสามารถใช้งานผ่านเทคโนโลยี hands-free และกฎหมายกำหนดข้อยกเว้นว่า อนุญาตให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ประสบกับเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถโทรเรียกเจ้าหน้าที่หรือการให้บริการฉุกเฉินได้ ในกรณีที่พบว่าผู้ที่กำลังขับขี่ยานพาหนะมีโทรศัพท์อยู่ในมือของตนเอง ผู้ขับขี่นั้นจะได้รับคำเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรในปีแรก สำหรับปีต่อ ๆ ไป ผู้ขับขี่จะต้องเสียค่าปรับจำนวน ๕๐ ดอลลาร์และค่าธรรมเนียมศาล และหากมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น ผู้ขับขี่มีโทษจำคุกสูงสุด ๕ ปี ซึ่งตำรวจมีหน้าที่หลักในการเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย
ข่าวประจำวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๐๒๕
แปลและเรียบเรียงจาก Pennsylvania law banning handheld devices while driving now being enforced - CBS Pittsburgh *บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
Eileen แม่ของนาย Miller กล่าวกับสำนักข่าว CBS Philadelphia ว่า เธอไม่ต้องการให้ผู้ปกครองคนใดต้องไปห้องเก็บศพเพื่อระบุตัวตนของลูกตัวเองจากสิ่งที่ไม่อาจป้องกันได้ โดยกฎหมายฉบับนี้จะช่วยชีวิตผู้คน และนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ในปี ค.ศ.๒๐๒๓ ในรัฐ Pennsylvania มีจำนวนอุบัติเหตุจากการขับรถยนต์โดยประมาทจำนวนทั้งสิ้น ๑๑,๒๖๒ ครั้ง กฎหมายนี้จึงกำหนดห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับยานพาหนะ โดยหมายรวมถึงกรณียานพาหนะหยุดอยู่ที่ไฟแดง กรณีการจราจรติดขัด หรือกรณีมีการหยุดโดยกะทันหัน
นาย Jim Garrity ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะของ AAA East Central กล่าวว่า กฎหมายนี้เป็นก้าวสำคัญที่มีทิศทางที่ถูกต้องต่อการต่อสู้กับหนึ่งในภัยคุกคามบนท้องถนนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันคือการขับรถยนต์แบบขาดสมาธิ โดยนาย Paul Miller ควรจะได้อยู่กับพวกเราในวันนี้
ในส่วนของผู้ขับขี่ยานพาหนะพอใจต่อกฎหมายนี้ที่มีผลบังคับใช้ภายในรัฐเช่นกัน นอกจากนี้ นาย Alex Bonfanti ชื่นชมว่ากฎหมายนี้ยอดเยี่ยมที่แก้ไขปัญหาเรื่องคนขับขาดสมาธิอันเป็นปัญหาใหญ่ที่มีมาอย่างยาวนาน อีกทั้งนาย Rick Fera กล่าวเสริมว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยชีวิตผู้คนจากอุบัติเหตุได้อย่างมาก
ทั้งนี้ การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับยานพาหนะสามารถใช้งานผ่านเทคโนโลยี hands-free และกฎหมายกำหนดข้อยกเว้นว่า อนุญาตให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ประสบกับเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถโทรเรียกเจ้าหน้าที่หรือการให้บริการฉุกเฉินได้ ในกรณีที่พบว่าผู้ที่กำลังขับขี่ยานพาหนะมีโทรศัพท์อยู่ในมือของตนเอง ผู้ขับขี่นั้นจะได้รับคำเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรในปีแรก สำหรับปีต่อ ๆ ไป ผู้ขับขี่จะต้องเสียค่าปรับจำนวน ๕๐ ดอลลาร์และค่าธรรมเนียมศาล และหากมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น ผู้ขับขี่มีโทษจำคุกสูงสุด ๕ ปี ซึ่งตำรวจมีหน้าที่หลักในการเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย
ข่าวประจำวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๐๒๕
แปลและเรียบเรียงจาก Pennsylvania law banning handheld devices while driving now being enforced - CBS Pittsburgh *บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
หน้าแรก
|
เกี่ยวกับเรา
|
แนะนำอาเซียน
|
ข่าวต่างประเทศ
|
ความตกลง
|
บทความ
|
งานวิจัย
|
กฎหมายน่ารู้
|
ติดต่อเรา
|
แผนผังเว็บไซต์
|
© 2025 Office of the Council of State.