(TH) หญิงชาวอังกฤษเรียกร้องกฎหมาย Murphy’s Law บังคับเจ้าของสุนัขทำประกันภัยความรับผิด หลังสุนัขของเธอถูกสุนัขตัวอื่นกัดตาย
ข่าวต่างประเทศ 30 Sep 2025
Joanne Newbury หญิงชาวอังกฤษรายหนึ่งจากมณฑล Bedfordshire ซึ่ง Murphy สุนัขพันธุ์ cockapoo ของเธอเสียชีวิตจากการถูกสุนัขที่ตัวใหญ่กว่าทำร้าย เธอได้เริ่มการรณรงค์ในระดับประเทศ โดยเรียกร้องให้มีข้อบังคับให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องทำประกันภัยเพื่อความรับผิดต่อสาธารณะสำหรับสัตว์เลี้ยงทุกตัว โดยเธอกล่าวว่าการติดตามเรียกค่าใช้จ่ายในการรักษาสุนัขของเธอจำนวน ๓,๕๐๐ ปอนด์ (ประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ บาท) จากคู่กรณีที่เป็นเจ้าของสุนัขอีกตัวเป็นเรื่องที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก หลัง Murphy เสียชีวิตในเดือนมิถุนายน ค.ศ. ๒๐๒๕
Joanne Newbury กล่าวว่า ขณะที่เธอพา Murphy เดินเล่นบนถนนเล็ก ๆ ในย่านชนบท ก็มีสุนัขตัวหนึ่งที่ไม่มีสายจูงพุ่งตรงเข้ามาทำร้าย Murphy ทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ชีวิต เธอไม่อยากให้ใครต้องเผชิญกับเรื่องนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดจากการสูญเสียและภาระทางการเงินที่ตามมา มันมากพอที่จะสามารถทำลายชีวิตของคนคนหนึ่งได้เลย
ซึ่งแม้ประกันสำหรับสัตว์เลี้ยงของเธอจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาราว ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ (ประมาณ ๔๓๐,๐๐๐ บาท) ไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ยังเหลือค่าใช้จ่ายอีก ๓,๕๐๐ ปอนด์ (ประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ บาท) ที่เธอต้องจ่ายเอง เธอกล่าวว่า ไม่มีใครสมควรต้องมารับภาระทางการเงินเช่นนี้เพียงเพราะคู่กรณีอีกฝ่ายไม่มีประกันสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสม
เธอเล่าว่า เธอเลี้ยง Murphy มาตั้งแต่ยังเล็ก สุนัขวัย ๑๐ ปีตัวนี้เป็นเหมือนเด็กน้อยที่อ่อนโยนและน่ารัก และเธอทำงานเป็นนักบัญชีอิสระอยู่ที่บ้านของเธอ ดังนั้น Murphy จึงอยู่กับเธอตลอดเวลา Murphy มักจะมีความกังวล เขาต้องการเพียงแค่ความปลอดภัยและความรักที่อบอุ่น
แต่แล้วในวันธรรมดาวันหนึ่งที่เธอพา Murphy ไปเดินเล่นตามปกติบนถนนเล็ก ๆ เธอเห็นสุนัขตัวใหญ่สองตัวที่ไม่มีสายจูงในทุ่งหญ้าข้างทางที่อยู่ใกล้ ๆ เธอคิดว่ากำลังจะหลีกเลี่ยงการเดินไปบริเวณนั้น เพราะ Murphy ดูกระวนกระวายและวิตกกังวล แต่สุนัขตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาหา Murphy และเข้าจู่โจมทันที ซึ่งสุนัขของเธอไม่มีทางสู้ได้เลย เธอกรีดร้องและอ้อนวอนต่อเจ้าของสุนัขให้รีบใส่สายจูงให้กับสุนัขตัวนั้น เธอเห็นว่า Murphy มีเลือดออก แต่ไม่ทราบแน่ชัดถึงความรุนแรงของบาดแผล จนกระทั่งเธอนำ Murphy ไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์พบว่ามีกระดูกซี่โครงหัก ๔ ซี่ เลือดออกภายในร่างกาย และมีการบาดเจ็บจากการถูกกดทับอย่างรุนแรง รวมถึงบริเวณหลังมีบาดแผลจากการถูกกัดอย่างรุนแรง และกล้ามเนื้อถูกทำลายอย่างหนัก และแม้ Murphy จะได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินโดยทันที แต่หัวใจของเขาหยุดเต้นในอีก ๒ วันต่อมา และเสียชีวิตในที่สุด ตอนนั้นเธอมีความหวังมาตลอดว่า Murphy จะรอดกลับมา แต่ความทุกข์ทรมานที่เขาเผชิญนั้นมันคงมากเกินไปสำหรับเขา
เธอจึงยื่นคำร้องเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมาย “Murphy’s Law” ที่บังคับให้เจ้าของสุนัขทุกคนต้องทำประกันภัยเพื่อความรับผิดสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งในกรณีของเธอ แม้เจ้าของสุนัขอีกตัวจะยอมรับผิด แต่พวกเขากลับปฏิเสธที่จะจ่ายค่ารักษาของ Murphy ซึ่งเธอไม่สมควรต้องมารับภาระค่าใช้จ่ายเช่นนี้ เพราะเธอมีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยงของเธอเป็นอย่างดีและได้ทำประกันไว้แล้ว และแม้พวกเขาจะยอมรับผิด ยอมไปหาตำรวจ และทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แต่สุดท้ายแล้วภาระทั้งหมดกลับตกอยู่ที่เธอที่ต้องคอยติดตามเรื่องทุกอย่าง มันทำให้เธอรู้สึกอ่อนล้ามาก โดยเฉพาะในเวลาที่โศกเศร้าเช่นนี้
ข่าวประจำวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๘
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.bbc.com/news/articles/ce83828yk53o
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
Joanne Newbury กล่าวว่า ขณะที่เธอพา Murphy เดินเล่นบนถนนเล็ก ๆ ในย่านชนบท ก็มีสุนัขตัวหนึ่งที่ไม่มีสายจูงพุ่งตรงเข้ามาทำร้าย Murphy ทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ชีวิต เธอไม่อยากให้ใครต้องเผชิญกับเรื่องนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดจากการสูญเสียและภาระทางการเงินที่ตามมา มันมากพอที่จะสามารถทำลายชีวิตของคนคนหนึ่งได้เลย
ซึ่งแม้ประกันสำหรับสัตว์เลี้ยงของเธอจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาราว ๑๐,๐๐๐ ปอนด์ (ประมาณ ๔๓๐,๐๐๐ บาท) ไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ยังเหลือค่าใช้จ่ายอีก ๓,๕๐๐ ปอนด์ (ประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ บาท) ที่เธอต้องจ่ายเอง เธอกล่าวว่า ไม่มีใครสมควรต้องมารับภาระทางการเงินเช่นนี้เพียงเพราะคู่กรณีอีกฝ่ายไม่มีประกันสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสม
เธอเล่าว่า เธอเลี้ยง Murphy มาตั้งแต่ยังเล็ก สุนัขวัย ๑๐ ปีตัวนี้เป็นเหมือนเด็กน้อยที่อ่อนโยนและน่ารัก และเธอทำงานเป็นนักบัญชีอิสระอยู่ที่บ้านของเธอ ดังนั้น Murphy จึงอยู่กับเธอตลอดเวลา Murphy มักจะมีความกังวล เขาต้องการเพียงแค่ความปลอดภัยและความรักที่อบอุ่น
แต่แล้วในวันธรรมดาวันหนึ่งที่เธอพา Murphy ไปเดินเล่นตามปกติบนถนนเล็ก ๆ เธอเห็นสุนัขตัวใหญ่สองตัวที่ไม่มีสายจูงในทุ่งหญ้าข้างทางที่อยู่ใกล้ ๆ เธอคิดว่ากำลังจะหลีกเลี่ยงการเดินไปบริเวณนั้น เพราะ Murphy ดูกระวนกระวายและวิตกกังวล แต่สุนัขตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาหา Murphy และเข้าจู่โจมทันที ซึ่งสุนัขของเธอไม่มีทางสู้ได้เลย เธอกรีดร้องและอ้อนวอนต่อเจ้าของสุนัขให้รีบใส่สายจูงให้กับสุนัขตัวนั้น เธอเห็นว่า Murphy มีเลือดออก แต่ไม่ทราบแน่ชัดถึงความรุนแรงของบาดแผล จนกระทั่งเธอนำ Murphy ไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์พบว่ามีกระดูกซี่โครงหัก ๔ ซี่ เลือดออกภายในร่างกาย และมีการบาดเจ็บจากการถูกกดทับอย่างรุนแรง รวมถึงบริเวณหลังมีบาดแผลจากการถูกกัดอย่างรุนแรง และกล้ามเนื้อถูกทำลายอย่างหนัก และแม้ Murphy จะได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินโดยทันที แต่หัวใจของเขาหยุดเต้นในอีก ๒ วันต่อมา และเสียชีวิตในที่สุด ตอนนั้นเธอมีความหวังมาตลอดว่า Murphy จะรอดกลับมา แต่ความทุกข์ทรมานที่เขาเผชิญนั้นมันคงมากเกินไปสำหรับเขา
เธอจึงยื่นคำร้องเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมาย “Murphy’s Law” ที่บังคับให้เจ้าของสุนัขทุกคนต้องทำประกันภัยเพื่อความรับผิดสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งในกรณีของเธอ แม้เจ้าของสุนัขอีกตัวจะยอมรับผิด แต่พวกเขากลับปฏิเสธที่จะจ่ายค่ารักษาของ Murphy ซึ่งเธอไม่สมควรต้องมารับภาระค่าใช้จ่ายเช่นนี้ เพราะเธอมีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยงของเธอเป็นอย่างดีและได้ทำประกันไว้แล้ว และแม้พวกเขาจะยอมรับผิด ยอมไปหาตำรวจ และทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แต่สุดท้ายแล้วภาระทั้งหมดกลับตกอยู่ที่เธอที่ต้องคอยติดตามเรื่องทุกอย่าง มันทำให้เธอรู้สึกอ่อนล้ามาก โดยเฉพาะในเวลาที่โศกเศร้าเช่นนี้
ข่าวประจำวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๘
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.bbc.com/news/articles/ce83828yk53o
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
หน้าแรก
|
เกี่ยวกับเรา
|
แนะนำอาเซียน
|
ข่าวต่างประเทศ
|
ความตกลง
|
บทความ
|
งานวิจัย
|
กฎหมายน่ารู้
|
ติดต่อเรา
|
แผนผังเว็บไซต์
|
© 2025 Office of the Council of State.