BANNER

(TH) Natasha’s Law กฎหมายที่เกิดขึ้นจากความสูญเสียของครอบครัว สู่การคุ้มครองผู้แพ้อาหารมากมายทั่วอังกฤษ


 ข่าวต่างประเทศ      31 Oct 2025

  


                   บิดามารดาของ Natasha Ednan-Laperouse วัยรุ่นหญิงคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากการแพ้อาหารหลังรับประทานขนมปัง baguette ที่บรรจุหีบห่อพร้อมจำหน่าย กล่าวว่า ลูกสาวของเขาคงจะภูมิใจมากที่ได้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายเกี่ยวกับการแพ้อาหารจะสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมาย
                          Natasha Ednan-Laperouse วัย ๑๕ ปี ซึ่งอาศัยอยู่ที่ย่าน Fulham ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน เธอมีอาการแพ้อย่างรุนแรงหลังจากรับประทานงาที่เป็นส่วนผสมในขนมปังอบของร้าน Pret A Manger เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. ๒๐๑๖ ซึ่งงานั้นไม่ได้ถูกระบุไว้ในฉลากส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์ และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
                   ในวันที่ ๑ ตุลาคม เมื่อ ๔ ปีที่ผ่านมา ได้มีการประกาศใช้กฎหมาย Natasha’s Law ซึ่งกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ร้านจำหน่ายอาหารต้องแสดงรายการส่วนประกอบทั้งหมดและระบุสารก่อภูมิแพ้บนฉลากของอาหารที่ผลิตและบรรจุหีบห่อไว้สำหรับจำหน่าย ตามที่ Tanya Ednan-Laperouse และ Nadim Ednan-Laperouse ได้ทำการรณรงค์ไว้
                   โดยคู่สามีภรรยาผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Natasha Allergy Research Foundation กล่าวว่ากฎหมายฉบับนี้ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง โดยมูลนิธิดังกล่าวได้กำหนดให้วันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปีเป็น Natasha’s Day เพื่อรำลึกและเฉลิมฉลองถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่ Natasha ลูกสาวของพวกเขาได้ฝากไว้
                   บิดามารดาของ Natasha กล่าวในแถลงการณ์ว่า กฎหมาย Natasha’s Law ทำให้ผู้คนหลายล้านคนในสหราชอาณาจักรที่มีภาวะแพ้อาหารได้รับความคุ้มครองอย่างปลอดภัย ทำให้พวกเขาสามารถเลือกซื้ออาหารและรับประทานอาหารนอกบ้านได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซึ่งทุกคนควรมีสิทธิที่จะบริโภคอาหารได้อย่างปลอดภัย และพวกเขาเชื่อว่า Natasha เองก็คงภูมิใจมากที่กฎหมายฉบับนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ที่มีภาวะแพ้อาหารให้ดีขึ้นอย่างแท้จริง
                   ทางมูลนิธิได้เผยแพร่เรื่องราวของผู้คนที่ได้รับการช่วยเหลือจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้ หนึ่งในนั้นคือ Kitty Clark วัย ๒๑ ปี ซึ่งแพ้ไข่ ผลิตภัณฑ์นม และกีวี เธอกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงกฎหมายครั้งนี้ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยครั้งแรกที่เธอเริ่มเห็นว่ากฎหมาย Natasha’s Law เริ่มมีผลบังคับใช้ คือวันที่เธอหยิบกล่องซูชิขึ้นมาแล้วพบว่ามีการพิมพ์ส่วนประกอบของอาหารไว้ด้านหลังกล่องแม้จะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่อาจไม่ทันสังเกต แต่สำหรับเธอแล้ว นั่นหมายถึงการที่เธอไม่ต้องพยายามอธิบายเรื่องการแพ้อาหารของเธอให้พนักงานที่เหนื่อยล้ามาตลอดวันฟังอีกต่อไป การไม่ต้องตรวจสอบซ้ำว่าของที่ซื้อปลอดภัยหรือไม่ หรือสงสัยทุกครั้งว่าสูตรอาหารที่เธอทานจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ การได้เห็นรายการส่วนประกอบของอาหารที่ระบุไว้อย่างชัดเจนทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่ากฎหมาย Natasha’s Law ทำให้ความรู้สึกของเธอในการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
                   ด้าน Jayden Poole วัย ๑๗ ปี ซึ่งแพ้นม เล่าว่าก่อนหน้านี้แม่ของเธอไม่เคยอนุญาตให้เธอรับประทานอาหารจากร้านเบเกอรี่หรือร้านแซนด์วิช เพราะฉลากนั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ ทุกครั้งที่ครอบครัวออกไปข้างนอกจะต้องเตรียมอาหารกลางวันให้เธอเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารนั้นปลอดภัยสำหรับเธอ แต่ตั้งแต่กฎหมาย Natasha’s Law มีผลบังคับใช้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมาก ตอนนี้เธอสามารถเลือกซื้ออาหารจากร้านแซนด์วิชและร้านเบเกอรี่ได้ และการมีฉลากข้อมูลการแพ้อาหารที่ติดไว้อย่างชัดเจนทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยกว่าการต้องถามจากพนักงานทุกครั้ง
                   Jessie Flaum วัย ๒๒ ปี เธอมีอาการแพ้ไข่ ถั่ว เมล็ดพืช ช็อกโกแลต buckwheat กีวีและผลิตภัณฑ์นมอย่างรุนแรง เธอกล่าวว่า สำหรับเธอเรื่องอาหารไม่เคยเป็นเรื่องง่ายเลย แม้มันจะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำได้โดยไม่คิดมาก เช่น การหาของกินเล่น การทานอาหารกับเพื่อน หรือการเข้าคาเฟ่ แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกเหมือนว่ากำลังก้าวไปเสี่ยงอันตรายทุกครั้ง เพราะการปนเปื้อนแม้เพียงนิดเดียวก็สามารถทำให้เธอเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ การมีฉลากที่ชัดเจน ซื่อตรง และไม่หลอกลวง หมายความว่า เธอจะไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความกลัวตลอดเวลาว่าอาหารที่บรรจุสำเร็จนั้นอาจซ่อนสิ่งที่เป็นอันตรายเอาไว้

ข่าวประจำวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๘
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.bbc.com/news/articles/c0q79kyj9geo
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย

© 2025 Office of the Council of State.